เสียบแบบนี้เอามีดมาแทงกันดีกว่า ! วิดิโอ ดราม่าหลังสนามซ้อมของทีมชาติ เบลเยี่ยม !!!
เสียบแบบนี้เอามีดมาแทงกันดีกว่าKevinDeBruyneเสียบAdnannJanuzaj !! จังหวะดราม่าของทีมชาติเบลเยี่ยม หลังมีวิดิโอการเข้าสกัดบอลของ Kevin De Bruyne กองกลางเชิงสูงของที่มชาติเบลเยี่ยม กับเพื่อนร่วมชาติ Adnann Januzaj

ถึงกุนซือทีมชาติเบลเยี่ยมอย่าง มาติเนซจะออกมาเปิดเผยแล้วว่าเป็นเพียงแค่การซ้อมธรรมดาๆทั่วๆไปในระดับบอลโลก และ Adnann Januzaj ได้ออกมาเปิดเผยว่าไม่ถือโทษโกรธอะไร แต่ภาพที่ออกมาจากสื่อนั้นก็ถูกตีความไปในทิศทางต่างๆ ต้องคอยดูกันว่ามันได้ส่งผลกับความสามามัคคีในค่ายของเบลเยี่ยมหรือไม่ !

ไม่มีปัญหาสำหรับ เบลเยียม ที่เหมือนบุกมาซ้อมเกมรุกมีโอกาสยิงถึง 40 หน เอาชนะ ซาน มารีโน่ ไปแบบสบายๆ 4-0 ชนะรวด 5 นัด นำเป็นจ่าฝูงกลุ่มไอต่อ โดยได้ประตูจาก มิชี่ บาตซูอายี่ คนเดียวสองลูก และ ดรีส เมอร์เทนส์ กับ นาเซอร์ ชาดลี คนละลูก รายงานจาก BK8THA ฟุตบอลยูโร 2020

ตามรายงานจาก ฟุตบอลพันทิป ผลบอลสด รายงาน ประตูแรกเกิดขึ้นในนาที 43 จังหวะนี้เบลเยี่ยมมาได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ มีร์โก ปาลัซซี่ ในกรอบเขตโทษก่อนที่ บาตซูอายี่ จะยิงด้วยขวาเข้าไปเสียบเสาฝั่งซ้าย ผู้รักษาประตูพุ่งถูกทางแต่ปัดไม่ทัน ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 ข้อมูลจาก BK8THAI ผลบอลสด

ชาดลี ที่เพิ่งลงมาได้บอลจากฝั่งขวาสุดเส้นก่อนจ่ายตัดมาให้ เมอร์เทนส์ ที่เพิ่งเล่นมาเหมือนกัน แปเข้าไปง่ายๆ เบลเยี่ยมนำห่างอีก 2-0 ข้อมูลจาก MM88UP ผลบอลสด

จังหวะนี้เป็นคู่สำรองเดิม เมอร์เทนส์ ครอสจากฝั่งขวา เบเนเด็ตตินี่ปัดออกมาเข้าทาง ชาดลี ยกบอลขึ้นมาหนึ่งจังหวะก่อนจะยิงด้วยขวาอย่างสวย เบลเยี่ยมนำห่าง 3-0 ข้อมูลจาก BK8THAI ผลบอลสด

เกมเหมือนจะจบแต่ จังหวะนี้การ์ราสโก้ เปิดครอสจากฝั่งขวาเข้ามาให้ บาตซูอายี่ ได้โหม่งจ่อๆ 5 หลา ตุงตาข่ายง่ายๆ ทีมเยือนปิดเกม 4-0 อัUดนาน ยานาไซจ์ อดีตดาวรุ่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดเผยถึงเหตุผลที่เขาต้องย้ายออกมาว่าเป็นเพราะไม่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองจาก หลุยส์ ฟาน กัล
เพลย์เมคเกอร์วัย 26 ปี ได้รับโอกาสแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวภายใต้การคุมทีมโดย เดวิด มอยส์ หลังการวางมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่หลังจากที่อดีตกุนซือชาว สก็อตแลนด์ ถูกไล่ออกจากตำแหน่งโอกาสในทีมของเขาก็ลดลงไปเรื่อยๆจนจำใจต้องย้ายออกมาเล่นที่ เรอัล โซเซียดาด ใน ลาลีก้า
ตัวรุกฟอร์มแรงได้ออกมายืนยันก่อนเกมที่จะพบกับต้นสังกัดเก่าในศึก ยูโรป้าลีก ว่าตนไม่มีความจำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้วและไม่รู้สึกเสียดายที่เลือกจะย้ายออกมาอีกด้วย
“ผมไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น ผมรู้ซึ้งถึงคุณภาพของตัวเองดี ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องแสดงให้ ยูไนเต็ด หรือใครๆเห็นว่าผมเป็นผู้เล่นที่ดีหรืออะไร สิ่งที่จำเป็นคือต้องเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น”
“ฤดูกาลแรกของผมกับ ยูไนเต็ด จากการขึ้นมาจากอะแคเดมี ทุกคนแสดงความรักต่อผม โค้ชให้โอกาสผมในการสนุกไปกับฟุตบอลอย่างเต็มที่”
“แน่นอนว่าเมื่อโค้ชคนใหม่ (ฟาน กัล) ที่ไม่พร้อมจะรักคุณก้าวเข้ามา มันก็เลยยากที่จะพิสูจน์ตัวเองและมีความสุขกับการลงสนาม ขนาด เซอร์ อเล็กซ์ เขายังคอยให้กำลังใจเราเลย แต่กับโค้ชคนนี้แค่จ่ายพลาดก็โดนตะโกนด่าแล้ว ซึ่งมันไม่ดีเอามากๆต่อผู้เล่นที่ยังอายุน้อย โค้ชควรจะเป็นเสมือนครูซึ่งต้องคอยสอนคอยแนะนำเรา”
“ในฐานะดาวรุ่งเราต้องนั่งรอโอกาสเพื่อลงสนามเพียง 10-15 นาที ซึ่งมันก็อาจจะเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นคุณภาพของเราได้บ้างแต่ไม่มากพอที่จะให้เขาเห็นหรอกว่าเรามีดีขนาดไหน”
จากเด็กระเบิดที่กล้าสั่งรุ่นพี่ กลายเป็นส่วนเกินที่ โชเซ มูรินโญ หมางเมินในทีมเชลซี ก่อนคืนชีพจนเป็นจอมทัพระดับโลกที่แมนฯ ซิตี้ อะไรที่ทำให้ เควิน เดอ บรอยน์ ได้รับการยอมรับ ไปติดตามกัน
เด็กระเบิดที่กล้าสั่งแม้กระทั่งรุ่นพี่ และกัปตันทีม เกือบได้ร่วมงานกับ คลอปป์ ก่อนพบฝันร้ายที่ เชลซี ความเชื่อใจของ เป๊ป ก่อกำเนิดจอมคาถาแห่ง แมนฯ ซิตี้
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2020/21 ที่ผ่านพ้นไป แม้ในส่วนของสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องยอมสยบให้กับความยอดเยี่ยมของ ลิเวอร์พูล ที่เถลิงแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 30 ปี ด้วยช่องว่างที่ห่างกันถึง 18 คะแนน แต่ในแง่ของผลงานส่วนบุคคลนั้น ถือเป็น 1 ในซีซั่นที่ดีที่สุดของ “เควิน เดอ บรอยน์”
102 ประตูที่ “เรือใบสีฟ้า” ทำได้ในพรีเมียร์ลีกนั้น เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียมมีส่วนร่วมโดยตรงถึง 33 ประตู หรือคิดเป็น 32 เปอร์เซ็นต์ จากการลงสนาม 35 นัด แบ่งเป็น 13 ประตู 20 แอสซิสต์ ซึ่งก็เพียงพอที่จะชนะใจเพื่อนร่วมอาชีพในการโหวตให้เขาคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของ สมาคมนักฟุตบอลอาชีพแห่งอังกฤษ (พีเอฟเอ) เหนือ 5 ผู้ท้าชิงอย่าง ซาดิโอ มาเน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จากลิเวอร์พูล รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิง เพื่อนร่วมทีมแมนฯ ซิตี้
สำหรับ 20 แอสซิสต์ที่จอมทัพวัย 29 ปีทำได้ เทียบเท่ากับสถิติสูงสุดใน 1 ฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกที่ เธียร์รี อองรี ตำนานดาวยิงของ อาร์เซนอล ทำไว้ในฤดูกาล 2002/03 และหากการผ่านบอลให้ สเตอร์ลิง ยิง “ปืนใหญ่” ในเกมที่ “เรือใบสีฟ้า” บุกไปถล่ม 3-0 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมปีที่แล้ว ไม่ไปแฉลบปลายเท้าของ คาลัม แชมเบอร์ส เล็กน้อยก่อน ป่านนี้เจ้าของสถิติแอสซิสต์แห่งพรีเมียร์ลีกคงได้เปลี่ยนมือไปแล้ว